4 ข้อในการเลือกซื้อ SSF RMF ที่เหมาะกับเราจริงๆ

4 ข้อในการเลือกซื้อ SSF RMF ที่เหมาะกับเราจริงๆ
หากเรากำลังมองหาว่าเราควรซื้อ SSF RMF อะไรดีเพื่อลดหย่อนภาษี สิ่งแรกที่เราควรมีก่อน คือแผนการเงิน เพื่อรู้ว่าเรายังต้องการหรือขาดอะไร โดยมี 4 ข้อพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อ SSF RMF ดังนี้ค่ะ

1.ความต้องการลดหย่อนภาษี
เริ่มต้น เราควรคำนวณว่าเราต้องเสียภาษีเท่าไหร่ เพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ทางด้านภาษี และประมาณการรายได้แต่ละปี เพื่อคาดการณ์ว่าอนาคตเราจะเสียภาษีแบบนี้อยู่อีกไหม เพื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเงิน การลงทุน ประกันที่เหมาะสมกับเราในการลดหย่อนภาษีค่ะ

2.ไม่กระทบกับสภาพคล่อง
ด้วยความที่ SSF RMF เป็นการออมระยะยาวหลายปี ไม่สามารถนำเงินออกมาได้ อย่างน้อย 10 ปี เราจึงควรวางแผนการเงินให้ดี เพื่อนำเงินที่วางแผนสำหรับออมจริงๆ มาซื้อ

3.ระยะเวลาในการลงทุน สอดคล้องกับอายุและเป้าหมายการเก็บออมที่วางแผนไว้
อายุเป็นเกณฑ์วัดระยะเวลาในการลงทุนของเรา
– ถ้าเรายังอายุน้อย การซื้อ SSF จะใช้เวลาลงทุนเพียง 10 ปี ต่างจาก RMF ที่ต้องลงทุนถึงอายุ 55 ปี
– ถ้าเราเป็นวัยกลางคน ที่ต้องการมีเงินเกษียณไว้ส่วนนึง การซื้อ SSF กับ RMF เอาไว้ จะช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนและเก็บออมได้ดีกว่า
– ถ้าเราเป็นวัยใกล้เกษียณ การซื้อ RMF จะใช้เวลาในการลงทุนที่น้อยกว่า

4.เลือกความเสี่ยง สอดคล้องกับอายุและเป้าหมายการเก็บออมที่วางแผนไว้
ความเสี่ยงควรเลือกตามอายุและเป้าหมายการเก็บออมของเรา
– ถ้าเรายังอายุน้อย การซื้อ SSF RMF ที่มีความเสี่ยงมีสัดส่วนในพอร์ตค่อนข้างมาก จะช่วยทำให้เรามีโอกาสทำให้เงินออมของเราเติบโตได้มากกว่า และมีรายได้อยู่หากเราลงทุนผิดพลาด เสียเงินต้น
– ถ้าเราเป็นวัยกลางคน ควรกระจายพอร์ตให้มีทั้งความเสี่ยงต่ำและสูง เพื่อป้องกันไม่กระทบกับเงินออมที่เราต้องการเกษียณ หากลงทุนผิดพลาด
– ถ้าเราเป็นวัยใกล้เกษียณ ควรกระจายพอร์ตเน้นความเสี่ยงต่ำ เพื่อไม่ให้กระทบกับเงินออมหลังเกษียณของเรา ซึ่งหลังจากเกษียณไปแล้ว เราจะไม่มีรายได้ เงินออมจะกลายเป็นรายได้หลักแทนที่ การรักษาเงินออมจึงสำคัญที่สุดค่ะ

จาก 4 ข้อนี้ การวางแผนการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในการที่จะทำให้เรามองภาพชัดเจนขึ้น ว่าเราควรจะซื้อ SSF RMF หรือผลิตภัณฑ์การเงินอื่นๆ ตามความเหมาะสมของเรา ไม่ใช่เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีจากคนอื่นตัดสินค่ะ